ตกลงก็ตัดสินใจทำบัตรผ่านแดนค่ะ แค่ยื่นบัตรประชาชนเค้าก็จะเอาเลขบัตรเราใส่เข้าไปแล้วข้อมูลทุกอย่างก็จะออกมาพร้อมรูปหน้าเราตามบัตรเลยค่ะ(แอบสยองรูปในบัตรตัวเองเล็ก ๆ อิอิ) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ไม่นานมากแต่ก็นานพอที่จะทำให้เราตกรถค่ะ เพราะพี่คนขับรถอุดร-เวียงจันทน์บอกว่ารถรอไม่ได้ เลยเอาตั๋วให้เรารอขึ้นคันถัดไป แต่รถคันที่มาก็ดันเต็มค่ะต้องยืนลุงคนขับรถเลยเอาไปฝากให้ขึ้นอีกคันเป็นรถหนองคาย-เวียงจันทน์(นับว่าโชคดีค่ะ เพราะนอกจากจะได้นั่งไม่ต้องยืนแล้วรถอีกคันนี้สภาพดีกว่ารถสายที่เรามาเยอะเลยค่ะ)
รถอุดร-เวียงจันทน์ ถ่ายที่บขส.ลาว |
ขอย้อนกลับไปนิดนึงตอนก่อนขึ้นรถมาค่ะ ที่บขส.อุดรรถจะจอดที่ชานชลาที่ 5 ส่วนที่ซื้อตั๋วจะอยู่ด้านในอาคารขากลับรถก็จะมาจอดที่ช่องเดิมค่ะ การเดินทางค่อนข้างสะดวก บขส. อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟสามารถเดินหรือนั่งรถได้ ในขณะที่การเดินทางจากสนามบินสามารถใช้บริการรถตู้หรือรถ Taxi ได้ แต่ไม่มีการกดมิเตอร์นะ =_=
ช่องที่ 5 ที่จอดรถที่บขส.อดรค่ะ |
บรรยากาศภายในรถขาข้ามไปลาวนั้นค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อยค่ะเพราะเป็นเที่ยวที่มีการขนส่งสินค้าของกินของใช้ไปที่นู่นด้วย และรถมาค่อนข้างช้ากว่าเวลารถออกที่แจ้งไว้ในตั๋วประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงได้ แต่ตอนขาออกจากลาวรถจะมาเร็วมากและไม่ค่อยเลทค่ะ
บรรยากาศบนรถขาไปแบบพ่อค้าแม่ค้าขนของแน่นมาก |
การผ่านด่านเข้าลาวทางเวียงจันทร์ทั้งขาไปและขากลับเราจะผ่านประตูทางเข้าที่เหมือนกับการขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ จึงต้องมีการซื้อบัตรผ่านแดนเป็น one way ticket ราคาคนละ 11,000 KIP ค่ะ ประมาณ 50 THB จ่ายเฉพาะตอนขาเข้านะคะ ขาออกจากประเทศลาวแค่ยื่นพาสปอร์ตหรือบัตรผ่านแดนให้แล้วรับบัตรมาเลยค่ะไม่ต้องจ่ายตังค์
บัตรเข้า-ออกประเทศลาว |
จากอุดรไปถึงด่านที่หนองคายก็เกือบ 1 ชม.ค่ะกว่าจะผ่านตม.หมดทุกด่านและนั่งรถต่อไปถึงบขส.ที่เวียงจันทร์ก็อีกประมาณ 1 ชม.ค่ะ สรุปไปลาวก็เกือบๆ 2 ชม. เสียเวลาตรงด่านเยอะค่ะนอกนั้นนั่งรถไปมานเท่าใหร่
ข้างบนเป็นภาพด้านหน้าห้างมีการจำลองพระธาตุกับพระพรหมน้อยมาไว้ด้วย น่ารักมาก อิอิ คนในห้างไม่ค่อยเยอะ อาหารมื้อแรกก็จัดเฝอไปหนึ่งชาม ปริมาณโอเคแต่รสชาติค่อนข้างจืด ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะค่อนข้างหิวจนตาลายเลยทีเดียว >_<
จากนั้นหลังจากดูแผนที่แล้วตัดสินใจได้ว่าเราอยู่ส่วนใหนในแผนที่แล้วก็ตัดสินใจออกเดินทาง (ตรงจุดนี้แหละค่ะที่ดูผิด เนื่องจาก vientiane center ยังไม่ปรากฏในแผนที่ของเวียงจันทน์ ส่วนห้างที่ปรากฏในแผนที่และเป็นจุดที่เราดูแล้วเข้าใจผิดว่าเราอยู่ที่นั่นคือ morning market ซึ่งอยู่อีกทางตรงกันข้ามเลยค่ะ ออกจากบขส.ลงรถแล้วถ้าไปทางขวาตรงข้ามบขส.จะเป็น morning market แต่ถ้าเลี้ยวมางทางซ้ายเลยมาหน่อยอยู่ติดกับบขส.เลยจะเป็น vientiane center) พอออกมาก็ออกเดินไปตามแผนที่ตามที่เราเข้าใจในตอนนั้น จุดมุ่งหมายคือ ถนนเส้นริมโขงแถมๆ น้ำพุเพื่อที่จะไปเดินหาโรงแรมค่ะ แต่กลายเป็นว่าเราเดินออกไปอีกทางคนละทางเลยค่ะ จนไปเจอ Don Chan Palace แทน ใหญ่โตโออ่าแบบนี้ไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพักแน่นอนค่ะ ดังนั้นจึงตัดสินใจถามทางกับแม่หญิงลาวที่ผ่านทางมา แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่างค่ะ จึงตัดสินใจเดินเลียบถนนริมโขงเพื่อหาอะไรซักอย่างที่มีในแผนที่ แล้วค่อยจับจุดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นอีกที
นี่คือแผนที่ที่เราตามไป หาจากในเน็ตค่ะ |
ดีที่เวียงจันทน์เป็นเมืองไม่ใหญ่ เดินแป๊บเดียวก็ถึงอนุเสาวรีย์พระเจ้าอนุวงค์ค่ะ ทีนี้ก็เริ่มเข้าใจแผนที่แล้วเริ่มไปถูกทางแล้วค่ะ เมื่ออะไรเข้าที่เข้าทางเราก็เริ่มเดินทีละซอยเพื่อหาที่พัก มีหลายราคาตามระดับโรงแรมแต่ส่วนใหญ่จะเต็ม ซึ่งพอเราเข้าไปถามพนักงานจะพูดด้วยความรู้สึกแบบเหลือแต่ห้องราคาเท่านี้แล้วนะ (เหลือแต่ห้องราคาถูก ห้องราคาแพงเต็ม เหมือนรู้สึกผิดประมาณนี้ หรือเราคิดไปเองไม่รู้นะ อิอิ) ทำให้เราแอบสงสัยว่า เอ...คนไทยที่เคยไปลาวกันเนี่ยส่วนใหญ่พักแต่ห้องราคาสูงกันรึเปล่านะ ทำให้พอเราไปถามภาษาไทยพนักงานดูจะแบบว่าเราจะพักรึเปล่าเพราะเหลือแต่ห้องราคาแค่นี้แล้ว เดินดูกันอยู่หลายทีก็ตัดสินใจเลือกที่โรงแรม ดวงเดือนอยู่ในซอยแต่ใกล้ริมโขงมากค่ะ ตัดสินใจพักแค่คืนเดียวก่อน เดี๋ยวคืนถัดไปค่อยไปลองพักทีอื่นดูอีกทีค่ะ
ด้านหน้าโรงแรมค่ะ |
ตัวตึกของโรงแรมน่ารักดีค่ะ |
ห้องนอนถ่ายตอนจะ check-out แล้ว สภาพเลยดูเยินนิดหน่อย |
ห้องน้ำค่ะแต่เก่าไปนิดแต่ก็ใช้ได้ |
หลังจากได้ที่พักคืนแรกเราก็หมดแรงค่ะเนื่องจากเดินหลงทางมาซะไกล ก็เลยนอนพักซักงีบนึงก่อนค่อยไปหาอะไรเติมพลังงานมื้อเย็นค่ะ
ในลาวค่อนข้างหาร้านทานอาหารยาก จะมีก็อยู่ตามริมโขงใกล้ๆ กับตลาดมืดกับโซนแถวๆ น้ำพุ อาหารเหมือนทำมารับนักท่องเที่ยวมากกว่าคนเวียงจันทน์เอง เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกสเต๊ก อาหารแนวฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น อาหารเวียดนาม อาหารอินเดีย เราอยากทานอาหารที่เป็นท้องถิ่นค่ะเพราะอาหารต่างๆ ที่ว่ามาเราหาทานที่เมืองไทยได้หมด แต่ก็หาร้านอาหารท้องถิ่นไม่ค่อยมีเลย ก็ไปเจอร้านแถวๆ ตลาดมืดค่ะ เป็นร้านขายส้มตำไก่ย่าง กุ้งเผา ปู ปลาหมึก ต้มแซ่บ อะไรมีหมด อาหารเย็นวันแรกก็เลยจบที่นี่ค่ะ
มื้อแรกมาลาวทั้งทีขอลองส้มตำแบบลาวนิดนึงนะ มีส้มตำลาว ปลาหมึกย่าง ข้าวเหนียว และต้มแซ่บไก่(ไม่ได้ถ่ายต้มแซ่บมาเพราะกินหมดก่อน) |
มื้อนี้ราคารวมทั้งหมดก็ 132,000 KIP ค่ะ รสชาติปลาหมึกค่อนข้างจืดชืดไปนิดแต่จิ้มน้ำจิ้มหน่อยก็กำลังดีค่ะ ต้มแซ่บก็ไม่ถึงใจเท่าไหร่รสชาติอ่อนๆ อาจเป็นเพราะเราติดกินรสจัดที่ไทย ส่วนตำลาว.... กินที่อีสานอร่อยกว่านี้เยอะค่ะ (ร้านนี้ที่จริงส้มตำพอไปกินครั้งที่สองอร่อยกว่านี้เยอะเลยค่ะไม่รู้ว่าคนตำคนละคนกันรึเปล่า) แต่โดยรวมคุณภาพกับราคาก็พอรับได้
หลังจากเติมท้องด้วยมื้อเย็นแล้วเราก็เดินเล่นแถวตลาดริมโขงค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะกล้องมือถือเราถ่ายกลางคืนไม่สวยเท่าไหร่ ตอนเย็นๆ นอกจากนักท่องเที่ยวฝรั่งกับที่เป็นคนไทยซะเยอะ คนลาวเองมาเดินริมโขงเยอะมากค่ะเป็นทั้งที่ออกกำลังกาย ที่เด็กวัยรุ่นมาจับกลุ่มคุยกัน เหมือนเป็นที่รวมตัวกันของคนเวียงจันทน์ยามเย็นเลย ในห้างเอง(เราไปเดินตอนเย็นวันที่ 2) คนยังไม่เยอะเท่านีเลยค่ะ
ปิดท้ายเวียงจันทน์วันแรกก่อนกลับไปนอน ก็แวะซื้อน้ำเปล่าและน้ำอัดลมกลับไปตุนเล็กน้อยค่ะ เพราะที่โรงแรมที่พักคืนแรกน้ำเปล่าไม่มีบริการฟรีค่ะ คิดขวดละ 4,000 KIP ก็เลยซื้อที่ร้านสะดวกซื้อราคาแค่ 3,000 KIP เท่านั้น รวมจ่ายค่าน้ำ 2 ขวดกับเป๊ปซี่ขวดใหญ่ทั้งหมด 28,000 KIP ค่ะ ร้านสะดวกซื้อในลาวยังไม่ค่อยมีเยอะค่ะ ไม่มี 7-11 เหมือนบ้านเรา จะมีเป็นพวก Jiffe กับ M-point mat
ร้านสะดวกซื้อในลาวค่ะ |